www.engineering-thailand.com
31
'25
Written on Modified on
นักศึกษาจาก KMITL คว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขัน MECA Thailand 2025
ทีมนักศึกษาระดับปริญญาตรีจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) ได้ก้าวสู่เส้นทางอาชีพในฝัน ด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศอันทรงเกียรติจากการแข่งขัน MECA Thailand 2025 จากโครงการที่พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพและลดของเสียในกระบวนการผลิตสารลดแรงตึงผิว (Surfactant) ด้วย AI.
www.mitsubishielectric.com

การแข่งขัน MECA Thailand 2025 ภายใต้แนวคิด "การแก้ไขปัญหาการลดการปล่อยคาร์บอนในระบบอุตสาหกรรมไทย ด้วยความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมอย่างยั่งยืน" มีเป้าหมายที่จะสร้างเวทีให้นักศึกษาสามารถแปลงความคิดสร้างสรรค์และแนวคิดนวัตกรรมให้เป็นโซลูชั่นที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ การแข่งขันยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมทุกคนได้พัฒนาทักษะและได้สัมผัสกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ GENESIS64 (SCADA Dashboard), MELSOFT 3D Gemini (Digital twin), MELSOFT MaiLab (เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI), SoftGOT2000 (ซอฟต์แวร์ควบคุม HMI), GT Designer3 (ซอฟต์แวร์ออกแบบหน้าจอ HMI) และ GX Works3 (ซอฟต์แวร์เขียนโปรแกรม PLC) เพื่อหาโครงการที่ชนะเลิศและรองอันดับต่างๆ โดยใช้เกณฑ์การตัดสินได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม การนำเสนอ และความเป็นไปได้ทางเทคนิคและทางธุรกิจ
นอกจากการแข่งขัน MECA Thailand 2025 แล้ว ภายในงานยังมีการจัดงาน “Technology Hackathon 2025” มินิเวิร์กช็อปขนาดเล็กสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย และการแข่งขัน “Greenbot Application Concept” สำหรับนักเรียนอาชีวศึกษา นอกจากนี้ภายในงานยังมีการสัมมนาในหัวข้อที่น่าสนใจโดยวิทยากรจากสมาคมอุตสาหกรรมต่างๆ
ผลการแข่งขัน
กลุ่มนักศึกษาจำนวน 3 คน ที่กำลังศึกษาชั้นปีที่ 2 และ 3 จากวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยด้านวิศวกรรมศาสตร์ทั่วประเทศ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขัน MECA Thailand 2025 เพื่อชิงรางวัลเกียรติยศและถ้วยรางวัลพระราชทาน โดย 4 จาก 15 ทีมได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของการแข่งขันนำเสนอผลงาน ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 9 และ 10 ตุลาคม 2568 ณ มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี ซึ่งทีมชนะเลิศประจำปีนี้ ได้แก่ “ทีมฉลองกรุง” จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง – สจล. โดยผู้ชนะจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท และได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน MECA Global Japan 2026
ทีมอื่นๆ ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ได้แก่ ทีม Autogen จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ทีม Greenovator จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทีม Greendynamic Trio จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และทีม FAlogic จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ซึ่งได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รองชนะเลิศอันดับ 2 รองชนะเลิศอันดับ 3 และทีมชนะป็อบปูลาโหวตตามลำดับ นอกจากถ้วยรางวัลและเงินรางวัลแล้ว นักศึกษาเหล่านี้ยังมีสิทธิ์ฝึกงานที่มิตซูบิชิก่อนสำเร็จการศึกษาอีกด้วย
เปิดใจทีมผู้ชนะเลิศ
ทีมชนะเลิศ ฉลองกรุง ประกอบด้วยนักศึกษา สจล. 3 คน ได้แก่ อภิสิทธ์ ละครเขต, วีรสิทธิ สุรินทร์อาภรณ์ และ พนธกร วงษ์วัฒน์ พวกเขาได้นำเสนอโครงการพัฒนาแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการผลิตสารลดแรงตึงผิว โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มอัตราการยอมรับด้านคุณภาพ พร้อมกับช่วยให้ผู้ผลิตลดของเสียจากวัตถุดิบและต้นทุนด้านพลังงาน ซึ่งทีมได้ออกแบบโซลูชันนี้โดยใช้เครื่องมือ SCADA, HMI GOT2000 และ Melsoft MAILAB ของมิตซูบิชิ เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลจากกระบวนการผลิต

ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงที่สำคัญในหลายด้าน ประการแรก พนักงานไม่จำเป็นต้องส่งตัวอย่างวัตถุดิบไปทดสอบที่ห้องปฏิบัติการ ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตได้มากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ประการที่สอง ผู้ผลิตสามารถลดเวลาในการตั้งค่าพารามิเตอร์ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ภาระงานต่างๆ เช่น การควบคุมพารามิเตอร์และการรวบรวมข้อมูล จะทำด้วยคน (manual) แต่ด้วยเครื่องมือ Meisoft MAILAB ของมิตซูบิชิ ภาระงานหลักๆที่เกี่ยวกับการควบคุมสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันที ประโยชน์ประการที่สามของโครงการนี้คือสามารถลดอัตราการเกิดผลิตภัณฑ์เสียและผลิตภัณฑ์ที่ถูกรีเจ็กต์และต้องนำไปซ่อมหรือแก้ไข ซึ่งช่วยลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 2.61 เปอร์เซ็นต์ ทีมชนะเลิศสรุปประเมิน Life Cycle Assessment ว่าโครงการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 17.70 เปอร์เซ็นต์
คำขอบคุณจากทีมผู้ชนะสำหรับการสนับสนุนจากมิตซูบิชิ
ทีมฉลองกรุง ได้ขอบคุณบริษัทมิตซูบิชิ ที่จัดกิจกรรมเพื่อให้นักศึกษาได้แสดงศักยภาพของตนเอง ซึ่งวีรสิทธิ สุรินทร์อาภรณ์ ได้กล่าวหลังทีมคว้ารางวัลชนะเลิศว่า “การแข่งขันครั้งนี้ทำให้เราตระหนักถึงผลกระทบระยะยาวของภาวะโลกร้อนและการปล่อยก๊าซคาร์บอนในกระบวนการผลิต” ขณะที่พนธกร วงษ์วัฒน์ สมาชิกอีกคนของทีมเปิดเผยว่า การได้เข้าร่วมสัมมนาและกิจกรรมภาคปฏิบัติที่จัดโดย MELT ได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับเขา นอกจากการเรียนรู้ด้านเทคนิค เช่น การสร้างแดชบอร์ดหรือการใช้งานซอฟต์แวร์ SCADA แล้ว ยังมีการพัฒนาทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์และบุคลิกภาพอีกด้วย
มิตซูบิชิ อิเล็คทริค มุ่งมั่นพัฒนาอุตสาหกรรมไทยสู่ระบบอัตโนมัติ
“ที่มิตซูบิชิ อิเล็คทริค เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมคือรากฐานของการสร้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เป้าหมายของเราคือการสร้าง “เวทีระดับชาติ” เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้แสดงศักยภาพทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี เรามุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงสามภาคส่วนหลัก ได้แก่ ภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ” คุณเฉลิมชัย ชมภูพื้น ผู้จัดการฝ่าย FA Specific Industrial บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค แฟคทอรี่ ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายวัตถุประสงค์ของการจัดงานนี้
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านระบบอัตโนมัติ เฉลิมชัย ยังเปิดเผยว่า บริษัทมิตซูบิชิ อีเล็คทริค กำลังผลักดันเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติเพื่อช่วยให้โรงงานลดต้นทุน ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปพร้อมๆ กัน สำหรับผู้ประกอบการไทย นั่นหมายความว่าเมื่อพวกเขาสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พวกเขาสามารถแข่งขันในระดับโลก ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง
“สิ่งที่ผมเห็นคือการแข่งขันนี้ได้กลายเป็นเวทีการเรียนรู้ร่วมกันสำหรับนักเรียนนักศึกษา อาจารย์ และภาคเอกชน ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มตระหนักว่าโครงการเช่นนี้ แม้จะใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย ก็สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อทั้งองค์กรและสังคมได้ นอกจากจะได้สัมผัสกับแนวคิดและวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ แล้ว พวกเขายังได้พบกับคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและมีศักยภาพที่จะเป็นกำลังสำคัญให้กับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งถือเป็น win-win situation อย่างแท้จริง” คุณเฉลิมชัย กล่าว
อนาคตที่สดใสสำหรับคนรุ่นใหม่
เมื่อสอบถามทีมผู้ชนะเลิศเกี่ยวกับเป้าหมายและอนาคตของพวกเขา รวมถึงสิ่งที่พวกเขาหวังจะบรรลุในอีก 10 ปีข้างหน้า
“หลังจากเรียนจบ ผมวางแผนที่จะก่อตั้งบริษัทของตัวเองทำเกี่ยวกับการศึกษา หรืออาจเป็นอาจารย์สอน ก่อนหน้านั้น ผมอาจจะหางานในโรงงานในฐานะวิศวกรเพื่อเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ ในอีก 10 ปีข้างหน้า ผมคาดหวังว่าจะสามารถทำตามความฝันของตัวเองได้ แม้ว่าจะต้องใช้ความพยายามและเวลาอย่างมาก” วีรสิทธิ์ สุรินทร์อาภรณ์ กล่าว
พนธกร วงษ์วัฒน์ กล่าวถึงอนาคตของเขาว่า “ผมอยากเห็นตัวเองทำงานด้านเครื่องมือวัด เพราะผมชอบการติดตั้งและตรวจสอบอุปกรณ์มาก ในอีก 10 ปีข้างหน้า ผมมองว่าความสำเร็จไม่ได้หมายถึงการทำงานที่รับผิดชอบให้สำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการมีความสุขกับงานนั้น พร้อมกับการสร้างคุณค่าให้กับองค์กรและครอบครัวของผมด้วย”
สร้างอิมแพคและทัศนคติเชิงบวกต่อภาวะโลกร้อน

การแข่งขัน MECA Thailand 2025 ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยช่วยส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงความสำคัญและมีทัศนคติเชิงบวกต่อความท้าทายทางนิเวศวิทยาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและอนาคตของพวกเราทุกคน มิตซูบิชิให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและสถาบันการศึกษา ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มที่น่าสนใจสำหรับเป็นเวทีสำหรับนักศึกษาในการเรียนรู้ ฝึกฝน และแสดงให้เห็นว่าความรู้และทักษะของพวกเขาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานจริงได้

